Category: ไปไหนดี

  • ดอยหลวงเชียงดาว เชียงใหม่ | เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่า

    ดอยหลวงเชียงดาว เชียงใหม่ | เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่า

    ดอยหลวงเชียงดาว เส้นทางธรรมชาติที่ใครก็ต้องหลงรัก ดอยหลวงเชียงดาว ตั้งอยู่ใน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ยอดเขาสูงสุด 2,225 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นภูเขาหินปูนที่สูงที่สุดในประเทศไทย และสูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ ดอยหลวงเชียงดาวไม่ได้เป็นแค่จุดชมวิวเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารและ ระบบนิเวศหลากหลาย ทั้งป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าดิบเขา และป่าดิบแล้ง รวมถึงพื้นที่พืชกึ่งอัลไพน์ (subalpine) ที่พบได้ไม่กี่แห่งในไทย

    ที่นี่ยังเป็นแหล่งพบ พืชเฉพาะถิ่น (endemic species) กว่าร้อยชนิด และเป็นถิ่นอาศัยของสัตว์ป่าสงวน เช่น เสือลายเมฆ เสือไฟ แมวดาว รวมถึงเลียงผาและกวางผา ซึ่งประชากรกวางผาที่นี่มากที่สุดในประเทศไทย


    เส้นทางศึกษาธรรมชาติ

    เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติมีความยาวรวมกว่า 8.5 กิโลเมตร จนถึงยอดดอย การเดินป่าที่นี่ไม่ได้เน้นเพียงการพิชิตยอดสูงสุด แต่เป็นการเรียนรู้และซึมซับคุณค่าของ ทรัพยากรธรรมชาติสองข้างทาง นักเดินป่าจะได้ชมพืชและสัตว์ป่าหลากหลายชนิดระหว่างทาง


    สภาพภูมิอากาศ

    ยอดดอยเชียงดาวมักถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกตลอดปี โดยเฉพาะฤดูฝนและฤดูหนาว อากาศหนาวเย็นตลอดทั้งวัน ในช่วงฤดูร้อนกลางวันอาจร้อน แต่กลางคืนยังคงเย็นสบาย


    พันธุ์พืชที่น่าสนใจ

    • ป่าดิบเขา: ชื้นและมักมีหมอกตลอดปี พบมอส เฟิน พืชอิงอาศัย และไม้พื้นล่างหลากหลายชนิด เช่น ข้าหลวงหลังลาย ชาหิน เทียนนกแก้ว
    • ป่าสนเขา: อยู่บนสันเขา มีไม้สนสามใบ สนสองใบ และไม้วงศ์ก่อ เช่น ก่อแอบ ก่อสีเสียด ก่อเดือย รวมถึงพืชพุ่มและกล้วยไม้ชนิดต่าง ๆ
    • ป่าเบญจพรรณ: ส่วนล่างของดอยเป็นป่าเบญจพรรณ มีไผ่บงดำ ไผ่ซางนวล พื้นดินปกคลุมด้วยหญ้าแวง และไม้ต้น เช่น เลียงมัน ปอขี้แฮด กว้าว

    สัตว์ป่าที่พบในพื้นที่

    • สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม: ประมาณ 150 ชนิด เช่น เสือลายเมฆ เสือไฟ แมวดาว ลิงภูเขา เก้ง
    • สัตว์ปีก: 383 ชนิด เช่น นกกก นกแก๊ก นกกางเขนดง ไก่ฟ้าหางลายขวาง
    • สัตว์เลื้อยคลาน: 91 ชนิด เช่น เต่าปูลู เต่าหก ตะกวด งูจงอาง งูเหลือม

    ดอยหลวงเชียงดาวจึงไม่ใช่แค่จุดชมวิว แต่เป็น ห้องเรียนธรรมชาติขนาดใหญ่ ให้ผู้มาเยือนได้เรียนรู้ระบบนิเวศ พืชเฉพาะถิ่น และสัตว์ป่าสงวนอย่างใกล้ชิด

    ภาพ: wikipedia

  • ถนนโค้งเลข 3 น่าน จุดถ่ายรูปสวย เส้นทางสายธรรมชาติที่ต้องแวะ

    ถนนโค้งเลข 3 น่าน จุดถ่ายรูปสวย เส้นทางสายธรรมชาติที่ต้องแวะ

    พูดถึงจังหวัดน่าน หลายคนคงนึกถึงถนนลอยฟ้าอันโด่งดัง แต่รู้ไหมว่ายังมีอีกหนึ่งมุมลับที่ชวนหลงใหล นั่นคือ ถนนโค้งเลข 3 แม้จะเป็นช่วงถนนสั้น ๆ แต่รูปโค้งที่ทอดผ่านกลางหุบเขา กลับทำให้ที่นี่กลายเป็นมุมถ่ายรูปที่นักท่องเที่ยวหลายคนยกให้เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กห้ามพลาด


    ถนนโค้งเลข 3 อยู่ตรงไหน?

    เส้นทางแห่งนี้คือ ถนนหมายเลข 1081 ตั้งอยู่ใน ตำบลอวน อำเภอปัว จังหวัดน่าน หากคุณเดินทางจาก อำเภอสันติสุข เพื่อไปยัง อำเภอบ่อเกลือ ก็ต้องผ่านถนนเส้นนี้พอดี เรียกได้ว่าเป็นจุดเช็คอินที่เจอได้โดยไม่ต้องตั้งใจหา


    เส้นทางการเดินทาง

    จากเมืองน่านไปยังบ่อเกลือ สามารถเลือกเดินทางได้ 2 ทางหลัก ๆ คือ

    • ถนนหมายเลข 101 ผ่านสนามบินน่าน – ท่าวังผา – ปัว ไปจนถึงบ่อเกลือ
    • ถนนหมายเลข 1169 ที่เชื่อมกับ ถนน 1081 ผ่านสันติสุขสู่บ่อเกลือ

    แม้เส้นทางที่สองจะดูอ้อม แต่ก็เป็นเส้นทางที่พาคุณมาสัมผัสกับความงามของโค้งเลข 3 ได้เต็ม ๆ


    เสน่ห์ที่ไม่ควรพลาด

    • ระยะทางเพียง ราว 300 เมตร แต่บรรยากาศสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม
    • มองจากมุมสูงจะเห็นถนนคดโค้งราวกับเลข 3 เด่นชัด จนหลายคนต้องหยุดรถเพื่อเก็บภาพ
    • เป็นอีกหนึ่งจุดที่ทำให้น่านกลายเป็นจังหวัดแห่งถนนสายสวยในใจนักเดินทาง

    ช่วงเวลาที่สวยที่สุด

    ถ้าอยากได้ภาพที่สวยที่สุด แนะนำให้มาในช่วง พระอาทิตย์ขึ้น ราว 6.50 – 7.10 น. แสงแดดยามเช้าจะตกกระทบไปบนโค้งถนน เกิดเป็นวิวที่โรแมนติกจนเหมือนฉากจากหนัง และไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย เพราะมีจุดจอดรถสำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ


    เที่ยวต่อได้อีก

    หลังจากเก็บภาพที่โค้งเลข 3 แล้ว หากขับรถต่อไปก็สามารถแวะเที่ยว อุทยานแห่งชาติดอยภูคา หรือไปสัมผัสเสน่ห์ บ่อเกลือโบราณ ได้อีก เรียกว่ามาเที่ยวครั้งเดียว ได้ครบทั้งวิว ถนน และธรรมชาติ


    ข้อมูลการเดินทาง

    • 📍 พิกัด : ถนนหมายเลข 1081 ตำบลอวน อำเภอปัว จังหวัดน่าน
    • 🗺️ แผนที่ : Google Maps

    ✨ ถึงจะเป็นเพียงถนนช่วงสั้น ๆ แต่ ถนนโค้งเลข 3 ก็ทำให้การเดินทางไปบ่อเกลือไม่น่าเบื่ออีกต่อไป ใครที่อยากได้รูปถ่ายมุมใหม่ ๆ บอกเลยว่าที่นี่ “เล็กแต่เด็ด”

  • ร้าน Buna Organic Coffee คาเฟ่ที่มีธรรมชาติรายล้อม ย่านแบริ่ง

    ร้าน Buna Organic Coffee คาเฟ่ที่มีธรรมชาติรายล้อม ย่านแบริ่ง

    หากใครกำลังมองหาคาเฟ่บรรยากาศธรรมชาติในกรุงเทพฯ แนะนำให้แวะที่ Buna Organic Coffee

    คาเฟ่สไตล์ออร์แกนิคย่านแบริ่ง (สุขุมวิท 107) ที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์ ร่มรื่น สดชื่น เหมาะกับการมานั่งพักผ่อน จิบกาแฟชิลๆ ในวันหยุด หรือใครที่ชอบถ่ายรูปสวยๆ ที่นี่ก็มีมุมเก๋ๆ ให้เลือกเพียบ


    🌱 คาเฟ่ออร์แกนิคแท้ๆ
    จุดเด่นของร้านนี้คือ กาแฟออร์แกนิคที่ปลูกเองจากไร่ที่ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ความสูงกว่า 1,400 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ปลูกใต้ร่มไม้ใหญ่โดยไม่ใช้สารเคมี ทำให้ได้รสชาติกาแฟหอมเข้ม คุณภาพพรีเมียม และยังรักษาสิ่งแวดล้อมไปในตัว


    📍 ทำเล & การเดินทาง
    ร้านตั้งอยู่ ปากซอยแบริ่ง 21 (สุขุมวิท 107) สามารถขับรถเข้าไปตาม Google Map ได้เลย ด้านหน้ามีลานจอดรถกว้างใต้ต้นไม้ใหญ่ ถึงแม้วันเสาร์-อาทิตย์อาจจะแน่น แต่ก็ถือว่าสะดวกสบาย


    🍰 เมนูแนะนำ

    • Espresso หอมเข้มละมุน
    • 🍰 เค้กมะพร้าว เนื้อนุ่ม หวานกำลังดี
    • 🥗 อาหาร เบเกอรี่ และของหวานอื่นๆ ก็มีให้เลือกหลากหลาย

    นอกจากนั้นยังมีมุมให้นั่งทั้งในร้านกระจกและนอกร้านที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้ เหมาะสำหรับมานั่งทำงานเงียบๆ หรือจะหามุมถ่ายรูปชิคๆ ก็มีเยอะจนเลือกไม่ถูก


    📦 บริการเพิ่มเติม

    • สั่งกลับบ้านได้ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และผักสดออร์แกนิค
    • มีบริการเดลิเวอรี่ผ่าน Lineman, Foodpanda, GrabFood
    • หรือโทรสั่งโดยตรงที่ 084-955-3933

    สรุป
    ถ้าวันหยุดนี้ไม่รู้จะไปไหน อยากหาคาเฟ่บรรยากาศธรรมชาติ นั่งสบายๆ จิบกาแฟออร์แกนิคคุณภาพดี แนะนำให้แวะมาเช็คอินที่ Buna Organic Coffee รับรองว่าจะได้ทั้งรูปสวยๆ และความสุขกลับบ้านแน่นอนครับ


    📌 ข้อมูลร้าน

    • ⏰ เปิดบริการ: ทุกวัน 10.00 – 19.00 น.
    • ☎️ โทร: 084-955-3933
    • 📍 Google Map: คลิกที่นี่
  • Nava House Café (นาวาเฮ้าส์คาเฟ่)

    Nava House Café (นาวาเฮ้าส์คาเฟ่)

    วันหยุดนี้ถ้าใครอยากหาที่พักผ่อนแบบสบาย ๆ ชมวิวสวย ๆ ริมน้ำ พร้อมจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ คลายร้อน แนะนำเลยกับ Nava House Café (นาวา เฮ้าส์ คาเฟ่) คาเฟ่เล็ก ๆ บรรยากาศอบอุ่น ติดริมแม่น้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา บอกเลยว่ามาที่นี่ได้ทั้งกาแฟอร่อย ๆ และวิวพระอาทิตย์ตกสุดโรแมนติก 🌅

    พูดถึงฉะเชิงเทรา หลายคนน่าจะนึกถึง วัดโสธรวรารามวรวิหาร หรือที่รู้จักกันในชื่อ “วัดหลวงพ่อโสธร” สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ใคร ๆ ก็มักจะแวะไปสักการะ ขอพร หรือแก้บน หลังจากทำบุญเสร็จแล้ว หากกำลังมองหามุมพักใจสงบ ๆ นั่งชิลต่อสักหน่อย Nava House Café คือคำตอบครับ


    🏡 บรรยากาศร้าน

    แม้ตัวร้านจะไม่ใหญ่มาก แต่เต็มไปด้วยความน่ารักและอบอุ่น ภายในมีที่นั่งให้เลือกพอประมาณ ส่วนใครอยากสัมผัสลมเย็น ๆ ก็มีโซนด้านนอกติดริมแม่น้ำให้นั่งทอดอารมณ์ มาช่วงกลางวันอาจจะร้อนนิด แต่รับรองว่าไม่อบอ้าว เพราะลมจากแม่น้ำพัดมาตลอด 🌬️

    แนะนำให้มาในช่วงเย็น พระอาทิตย์กำลังจะตก บรรยากาศโรแมนติกสุด ๆ มองวิวแม่น้ำไป จิบเครื่องดื่มไป คือฟีลดีมากจริง ๆ


    🍰 เมนูแนะนำ

    เมนูที่นี่จะเน้นไปทาง เครื่องดื่มและของหวาน ราคาเป็นมิตร ไม่แรงจนเกินไป ใครสายคาเฟ่รับรองว่าไม่ผิดหวัง ส่วนอาหารคาวอาจต้องสอบถามทางร้านเพิ่มเติม


    🚗 การเดินทาง

    ร้านอาจจะไม่ได้อยู่บนถนนสายหลัก แต่สามารถตาม GPS ไปถึงได้เลย ตัวร้านอยู่ใกล้ ร้านอาหารปูกะเอ ริเวอร์ไซด์ ทางเข้าอาจยังไม่ได้ลาดยาง อย่าตกใจไป เหมือนกำลังปรับปรุงอยู่ครับ

    หากใครมาช่วงเย็นแล้วเริ่มหิว ลองแวะต่อที่ร้านปูกะเอ ริเวอร์ไซด์ก็ได้ ถือว่าครบทั้งคาเฟ่และร้านอาหารในทริปเดียวเลย


    ℹ️ ข้อมูลร้าน

    📍 Nava House Café – นาวา เฮ้าส์ คาเฟ่
    🕙 เปิดทุกวัน 10:00 – 19:00 น.
    📍 Google Map